ฤดูกาลชิคาโก จะแบ่งเป็น 4 ฤดู นั่นก็คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ชิคาโกเป็นเมืองที่อยู่ค่อนมาทางตะวันตกเหนือเส้นศูนย์สูตร ซึ่งเค้าแบ่งให้อยู่ในโซน Midwest และที่สำคัญคือติดทะเลสาบมิชิแกน จึงเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีอากาศหนาวมากๆเมืองหนึ่งในอเมริกา ระยะเวลาช่วงฤดูหนาวอันยาวนาน 7-8 เดือน ทำให้ชาวเมืองตื่นเต้นกับหน้าร้อนอันแสนสั้นกันมาก ร้อนแป๊บๆ 3-4 เดือน อ้าวหนาวอีกแล้ว ใครๆก็คิดแบบนี้
หน่วยวัดอุณหภูมิของคนอเมริกันเค้าจะใช้แบบ องศาฟาเรนไฮ (F) เราจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นควรจะศึกษาไว้ล่วงหน้าก็ดี จะได้ไม่งงเวลาดูทีวีช่วงพยาการณ์อากาศ
ฤดูกาลชิคาโก จะเป็นอย่างไรกันบ้างมาดูกันดีกว่า
1.Spring ฤดูใบไม้ผลิ
จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเมษายน – มิถุนายน อุณหภูมิปกติจะอยู่ที่ประมาณ 10-16 องศาเซลเซียส แค่บางวันก็แกว่งมีขึ้นมีลง อากาศแปรปรวนบ่อยๆ เพราะนี่คือ Chicago
ฤดูกาลชิคาโก ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้นไม้ ใบไม้กำลังผลิดอก ออกใบ หลังจากทนความหนาวเหน็บมาหลายเดือน ถ้าได้ไปเดินเล่นในดาวน์ทาวน์ จะได้เจอทุ่งดอกทิวลิปสีสันสดใสตามเกาะกลางถนนบ้าง ในสวนสาธารณะบ้าง เป็นช่วงที่ทั้งเมืองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ส่วนอากาศบางวันฝนตกมีเมฆมาก บางวันหมอกลงจัด บางวันลมแรงมาก ต้องเช็คอากาศเตรียมเสื้อผ้าดีๆ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
ตอนที่ได้ไปเหยียบเมืองนี้ครั้งแรก ก็รู้สึกว่าทำไมมันเย็นขนาดนี้ไม่ชินเลย คือเพิ่งจากหน้าร้อนช่วงวันสงกรานต์ในเมืองไทยมาได้วันเดียว ตอนนั้นไปทำธุระที่ธนาคารเจ้าหน้าที่ก็พูดคุยถามไถ่ เราก็บอกว่าเราอ่ะเป็นนักเรียน เพิ่งเคยมาครั้งแรก ทำไมอากาศหนาวจัง พี่คนนั้นทำหน้าประหลาดใจแล้วก็ตอบกลับมาว่า “Trust me, you already pass the worst” เชื่อเถอะ คุณได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว ก่อนที่เราจะมาตอนเดือนมกราคม 2015 เพิ่งจะมี Polar Vortex พัดผ่านมาที่เมืองนี้ อุณหภูมิก็ -20 องศาเซลเซียสเห็นจะได้ คิดแล้วก็หนาวขึ้นมาทันที
2.Summer ฤดูร้อน
จะเริ่มตั้งแต่กรกฏาคม – กันยายน อุณหภูมิปกติจะอยู่ที่ประมาณ 28-35 องศาเซลเซียส
บางวันอากาศก็ร้อนมากพอๆกับอากาศเมืองไทยเลย จนฝรั่งบางคนถึงกับแสดงอาการเพี้ยนๆก็มี ฤดูนี้มีความพิเศษตรงที่ ความสนุกสนาน ความมันส์ ความคึกคัก จะเกิดขึ้นทั่วทั้งเมืองเพราะเมืองนี้จะมี Festival เยอะมากๆ ทั้งเทศกาลอาหาร เทศกาลดนตรี ตลาดนัด Farmer Market และยังมี Gay Parade ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ดังมากของที่นี่
เทศกาลเหล่านี้จะมีทุกอาทิตย์ ยาวๆไปตลอด 3 เดือน พอถึงวันหยุดปุ๊บชาวชิคาโก้ก็จะจูงลูกจูงหลาน จูงสุนัขออกมาเดินเล่นกันที่งานเต็มไปหมด เราอาจจะงงกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นกันขนาดนี้ เนื่องด้วยว่าบ้านเค้าในยามหน้าหนาว เค้าไม่สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งกันได้เลย เพราะมันเย็นมากกกก การออกมาช็อปปิ้งตลาดนัดก็ไม่ใช่เรื่องสนุก เดินดูงานไป ตัวสั่นไปเพราะความหนาว โอย คิดแล้วสยอง
เราเห็นฝรั่งเห่อหน้าร้อนกันมาก วันไหนอากาศอุ่นๆแดดออกจะเรียกกันว่าอากาศดี ก็จะได้เห็นภาพเหล่านี้ล่ะ คุณลุงๆผู้ชายที่อยู่ตามบ้าน เค้าจะถอดเสื้อออกมาผึ่งแดดกันตรงระเบียงห้องจนตัวแดง ดูมีความสุขกันสุดๆ ถ้าเป็นเด็กสาวๆวัยรุ่น นางก็จะใส่เสื้อกล้ามสีฉูดฉาดกับกางเกงสั้นจุ๊ดและรองเท้าแตะ ออกมาเดินเล่นกันให้วุ่น ส่วนบ้านไหนที่อยู่เป็นครอบครัวมีลูกตัวน้อย เค้าก็จะชวนกันออกมาปิ้งบาร์บีคิวที่สวนหลังบ้านเก๋ๆ
สิ่งสุดท้ายที่เป็นการบอกว่าหน้าร้อนหมดแล้วนะคืองาน Chicago Air & Water Show ซึ่งจะจัดในช่วงปลายเดือนกันยายนของทุกปี เป็นงานที่กองทัพจะแสดงโชว์โดยใช้เรือ และเครื่องบิน อยู่บริเวณริมหาด North Avenue ชาวเมืองก็จะหอบถังเบียร์ เก้าอี้ เตาปิ้งบาร์บีคิว มาจองที่รอดูการแสดงโชว์ผาดโผนของเครื่องบินกันเต็มชายหาด เราก็ไปกะเพื่อนๆ หอบอาหาร เครื่องดื่ม มาชิลกัน นั่งดูโชว์ไปสักพักแล้วก็คิดว่า Chicago มันร้อนได้ขนาดนี้เลยหรอ เมื่อเดือนก่อนยังหนาวเข้ากระดูกอยู่เลย พอมาวันนี้กลับร้อนจนให้ความรู้สึกเหมือนช่วงไปเช็งเม้งที่บ้านเราเลยอ่ะ ร้อนแบบแดดแผดเผาจนจะละลายแล้ว
3.Autumn ฤดูใบไม้ร่วง
จะเริ่มตั้งแต่ตุลาคมไปจนถึงธันวาคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 10-16 องศาเซลเซียส
เป็นฤดูที่ต้นไม้ทั้งเมืองเริ่มเปลี่ยนสี ใบไม้จะแห้ง แล้วก็ค่อยๆร่วงไป เราชื่นชอบฤดูนี้เป็นพิเศษ ตรงที่อากาศเริ่มกลับมาเย็นอีกครั้ง เย็นแบบเบาๆ เมืองทั้งเมืองจะเปลี่ยนโทนสี จากสีเขียว เป็นเหลือง แดง น้ำตาล คือดีมากๆ ชอบ เวลาเห็นโซนไหนสวยๆเราก็จะถ่ายรูปเก็บไว้ ใน Chicago จะไม่ค่อยเห็นอะไรเยอะ แต่ถ้าใครมีเวลาว่างก็ลองไปเที่ยวรัฐใกล้ๆอย่าง Michigan ก็ดีนะ คราวนี้ล่ะของจริงอลังการงานสร้าง จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเมืองเลย เพราะเป็นเมืองเกษตรกรรมมีต้นไม้เยอะมาก เหมือนเวลาที่เราขับรถไปต่างจังหวัดที่เมืองไทยเลย หน้าที่เราแค่ต้องกะเวลาให้ดี ไปให้ถึงช่วงที่ต้นไม้เค้าแดงทั้งเมืองแล้วจะประทับใจไม่ลืม
4.Winter ฤดูหนาว
จะเริ่มตั้งแต่มกราคมไปจนถึงมีนาคม อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส ไปจนถึงติดลบ 15 องศาเซลเซียส
เป็นฤดูที่ทรมานใจมากที่สุด หนาวจนหน้าชา หูชา มือชา ขาแข็ง คนส่วนใหญ่ จะใส่เสื้อผ้าให้หนาๆ เข้าไว้แล้วมันจะดี ใส่ซัก 2 ชั้น แล้วใส่โค้ทคลุมอีกที เมื่อเสื้อพร้อมพร็อบก็ต้องพร้อม หมวกไหมพรม ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้าต้องมา บางช่วงหิมะตกหนักมาก พอหยุดตกปุ๊บทุกอย่างก็กลายเป็นสีขาว หลังจากหิมะตกใหม่ๆจะสวยออร่าสุดๆแต่พอผ่านไปหลายวัน ทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีดำๆ น้ำตาลๆ เพราะมันสกปรกจากการถูกคนเหยียบ ประกอบกับหิมะละลาย เฉอะแฉะทั้งเมืองเลย
ในหน้าหนาวนี้ผู้คนมักจะเก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปไหนนอกจากเปิดฮีตเตอร์แล้วนอนอยู่บ้าน ไม่ไปช็อปปิ้ง หรือออกไปทานข้าวนอกบ้านเลย เค้าจะใช้ชีวิตด้วยการสั่งอาหาร สั่งสินค้าออนไลน์ให้มาส่งที่บ้านแทน สิ่งที่เราชอบในหน้าหนาวคือ ทุกอย่างถูกฟรีซ หลังคาบ้าน ถนน สวนสาธารณะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ทะเลสาบ Michigan ก็กลายเป็นน้ำแข็ง เหมาะแก่การออกไปเดินถ่ายรูปมาก (สำหรับเราคนเดียวล่ะมั้งนะ)
ไม่ว่าจะฤดูไหนก็อย่าลืมเช็คสภาพอากาศทุกวันและเตรียมตัวให้พร้อม เพราะอากาศ ณ เมืองนี้เปลี่ยนแปลงบ่อย
