Jay Pritzker Pavilion ชิคาโก
ก่อนจะมาที่เมืองชิคาโก เราได้ลองเสิร์ชหาข้อมูลจากกูเกิลว่ามีสถานที่ที่น่าสนใจอะไรบ้าง นั่งดูไปสักพักเราก็ได้เจอกับสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูว้าวมาก เป็นลักษณะแบบแผ่นเหล็กดัดโค้งซ้อนกันไปมาอย่างได้จังหวะ เห็นแล้วทำให้เรานึกถึงสมัยเรียนที่ต้องนั่งสร้างโมเดลรูปร่างประหลาดๆออกมาเพื่อส่งอาจารย์ให้ทันคาบเรียนเลย พอได้เข้าไปดูรายละเอียดของสถานที่นั้นก็พบว่ามันคือ Jay Pritzker Pavilion ลานแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ออกแบบโดยสถาปนิก Frank Gehry นั่นเอง
ที่นี่เป็นสถานที่หนึ่งที่เราชอบแวะเวียนมาบ่อยๆเพราะเดินทางง่าย เพราะฉะนั้นในวันว่างๆของเราถ้าคิดอะไรไม่ออก เราจะชอบนั่งรถไฟสาย Blue Line จากบ้านไปลงสถานี Washington ซึ่งบริเวณนี้ก็คือย่าน Downtown ของเมืองชิคาโกนั่นเอง เดินเล่นเรื่อยๆเปื่อยๆตรงมาที่ Millennium Park สวนสาธารณะใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวเมืองที่มาพักผ่อนกัน แต่วันนี้เราเห็นคนเดินไปที่ Jay Pritzker Pavilion กันเยอะแล้วก็มีคนนั่งในลาน ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่มีงานเค้าจะกั้นไม่ให้เข้า เราเลยเกิดความสนใจและไม่รอช้า เดินตรงเข้าไปเลยจ้ะอยากรู้ว่าเค้ามีงานอะไรกัน พอเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่ามีการแสดงบนเวทีอยู่ด้วย
พอมองไปรอบๆก็เห็นว่าตรงทางเข้าจะมีคนนั่งเฝ้าอยู่แล้วก็คอยแจกโบรชัวร์งานแสดงคอนเสิร์ต เราถามคำแรกเลยว่านี่งานอะไรหรอ ชั้นเข้าไปดูได้มั้ย เค้าก็บอกว่าได้เลยแล้วก็ยื่นเล่มโบรชัวร์ตารางงานมาให้ เราก็เข้าใจละว่า อ๋อ นี่คืองาน Grant Park Music Festival ในโบรชัวร์จะมีตารางงานให้อัพเดทกันว่าใครมาเล่น และการแสดงมีวันไหนบ้าง เวลากี่โมง ส่วนเรื่องของวันนี้คือการซ้อมใหญ่ก่อนเปิดแสดงจริงนั่นเอง ที่สำคัญคือชมฟรี มันดีตรงนี้แหละ
Grant Park Music Festival
คืองานแสดงคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิคที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะมีงานแสดงทั้งสิ้น 10 สัปดาห์ งานนี้ประกอบไปด้วยวงดนตรี Grant Park Symphony Orchestra วง Grant Park Chorus รวมไปถึงนักแสดงและวาทยากรรับเชิญท่านอื่นๆอีกหลายท่าน เทศกาลดนตรีนี้จัดว่าเป็นงานการกุศลและเป็นงานแสดงเพลงคลาสสิคกลางแจ้งแห่งเดียวในประเทศที่ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (แต่ ณ ปัจจุบันเค้าเก็บค่าเข้าชมแล้วนะ ราคามีตั้งแต่ $25-$95)
Grant Park Music Festival เป็นเทศกาลดนตรีที่เป็นประเพณีมายาวนาน ในปี ค.ศ. 1931 นายกเทศมนตรีในสมัยนั้นมีแนวคิดว่าอยากให้มีการแสดงคอนเสิร์ตที่ไม่เก็บค่าเข้าชมเพื่อให้ชาวเมืองชิคาโกได้ผ่อนคลายความตึงเครียด ยกระดับจิตใจจากเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำในยุคนั้น และแล้วงานแสดงดนตรีคลาสสิคนี้ก็ได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1935 และจัดต่อเนื่องกันมาทุกปีจนถึงทุกวันนี้
ในช่วงแรกๆงานแสดงจะจัดที่ Petrillo Music Shell ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ใหม่ ในปี ค.ศ. 2004 เมื่อลานแสดงคอนเสิร์ต Jay Pritzker Pavilion สร้างเสร็จจึงย้ายงานแสดงมาจัดที่นี่แทน
เราคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ได้มาสัมผัสและใช้งานสถานที่นี้ แถมยังได้ฟังเพลงคลาสสิคแบบฟรีๆท่ามกลางอากาศอันสดใสอีกด้วย ยังงัยก็ต้องขอลองซักหน่อยล่ะ เราไม่รอช้ารีบเดินไปจองที่นั่งมุมดีๆก่อนใครเลย เอาจริงๆไม่ต้องแย่งกัน ที่มีเยอะเค้านั่งกันกระจายๆ แล้วก็หามุมที่หลบแดดนิดนึง ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นว่าลานมันกว้างมากกกก แถมที่นั่งก็มีเหลือเฟือ จัดเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนในโรงละครเลย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือนี่มันกลางสวนสาธารณะ ที่ตัวเก้าอี้จะเป็นสีแดงแบบพับได้มีเลขระบุที่นั่งเอาไว้ เค้าทำไว้ดีมากเลย ทนแดด ทนฝน และทนหิมะ
อันที่จริงแล้วสถานที่นี้ก็ใช้ได้แค่ในหน้าร้อนเท่านั้น เพราะช่วงที่เหลือของปีจะมีแต่ความหนาวเย็นเกินไป ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งกันได้ ถึงจะใช้ได้แค่ในหน้าร้อนแต่เราก็ได้เห็นถึงความใส่ใจในตัวพื้นที่ ที่ยังมีที่นั่งสำหรับคนพิการ และทางลาดสำหรับการใช้รถเข็นเรียกว่าเป็นสถานที่เพื่อสาธารณะประโยชน์จริงๆ
พอมองไปรอบๆก็จะเห็นเส้นโครงเหล็กที่ตัดกันไปมาดูดีมีดีไซน์ แต่ประโยชน์ของมันจริงๆก็เพื่อรองรับระบบเสียงให้ได้เทียบเท่ากับการฟังเพลงในโรงละคร ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เราได้ที่นั่งและมุมที่เหมาะสำหรับเราแล้วพร้อมสุดๆกับการชมการแสดง เรามองไปที่เวที อะหืม เป็นวงออเคสตร้าวงใหญ่เลยทีเดียวอลังการงานสร้างมาก มีนักดนตรีพร้อมเครื่องดนตรีคลาสสิคเต็มเวทีประมาณ 40 คนเห็นจะได้ แต่งตัวกันแบบชิลๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นมาซ้อมกัน พอได้ฟังเพลงที่เค้าเล่นก็รู้สึกดีมากอ่ะ มันเพราะแล้วก็รื่นหูมาก ฟังแล้วรู้สึกมีพลัง ท่ามกลางอากาศที่ไม่หนาว มีลมเย็นๆพัดมาบ้าง มันดีมาก
เรานั่งฟังเพลงไป ถ่ายรูปบริเวณนี้ไปด้วยความเพลิดเพลิน เราชอบที่เค้าพยายามสร้างสิ่งที่จรรโลงใจให้กับชาวเมืองมาก อย่างเช่นการจัดกิจกรรมต่างๆ การสร้างสถานที่เพื่อสาธารณะประโยชน์ และการวางผังเมืองที่ทำให้สิ่งก่อสร้างโตไปในทิศทางที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แอบหวังไว้เล็กๆว่าสักวันถ้าเมืองไทยเป็นได้แบบเมืองนี้ก็คงจะดีไม่น้อย
หลังจากที่นั่งฟังเพลงไปได้ซัก 40 นาที ก็รู้สึกว่าต้องไปแล้วล่ะมีธุระไปทำต่อ เวลาสนุกของเราหมดเร็วจังรู้สึกเสียดายมากๆ ถ้ามีเวลาคงได้แวะมาอีกล่ะนะ ชอบมากๆเลยวันนี้
ขอทิ้งท้ายด้วยภาพวิวพาโนรามาของลานแสดงคอนเสิร์ตแห่งนี้ไว้หน่อยละกัน ได้เห็นทั้งวิวสวน วิวลานแสดง และวิวเมืองไปพร้อมๆกัน ประทับใจสุดๆ
ปล. งานแสดงจริงส่วนใหญ่จะเริ่มในช่วงเวลา 6 pm- 9 pm เพราะอากาศกำลังดีไม่ร้อนแดดจนเกินไป ที่สำคัญเทศกาลนี้จัดแค่ในหน้าร้อนเท่านั้นนะ แค่ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม ใครที่ชอบเสียงเพลงบอกเลยว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
วิธีเดินทาง
1.นั่ง CTA BUS สาย 147 ลง Millennium Park
2.ขึ้นรถไฟสาย Blue Line ลงสถานี Washington แล้วเดินขึ้นไปทางถนน Michigan
3.ขึ้นรถไฟสาย Red Line ลงสถานี Monroe แล้วเดินขึ้นไปทางถนน Michigan
อัพเดทตารางงานได้ที่
http://www.grantparkmusicfestival.com/the-music
อยากรู้ เรื่องราวในอเมริกา เพิ่มเติมมาดูที่นี่เลยจ้า