เที่ยวเมือง Denver, Colorado

เราใช้เวลาขับรถจาก Dillion ไป Denver ประมาณ 3 ชั่วโมง มื้อบ่ายก่อนแยกย้าย ตาลพาไปกินอาหารไทยที่ร้านแห่งนึง เจ้าของเป็นกัมพูชา เมนูในร้านนี่มีหมด ทั้งไทย ลาว จีน และแบบเขมร ตาลบอกว่าร้านนี้แซ่บพอตัว เราเลยจัดอาหารลาวๆ อีสานอีกซักมื้อ เฮ้ย มันดีว่ะ นัวมาก กินกันเต็มที่ จนไม่มีที่จะยัดแล้ว ก็บอกลาตาล หวังว่าคงจะได้พบกันใหม่
Denver เป็นเมืองหลวงของโคโลราโด ศูนย์กลางเศรษฐกิจ และมีความเป็นเมืองสุด ในบรรดาเมืองทั้งหลาย เราขับรถไปที่ดาวน์ทาวน์ หาที่เที่ยวซักหน่อย ดูว่าบ้านเมืองนี้เค้าเป็นยังงัยกัน เหมือนเดิม เราสายอาร์ท ต้องแวะมิวเซียม เราไปกันที่ Denver Art Museum พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมศิลปะของ Colorado เอาไว้ ด้านนอกพิพิธภัฑ์คือ ล้ำมาก เค้าออกแบบได้เป็นเอกลักษณ์สุดๆ เป็นอาคารรูปทรงแนวโมเดิร์นแหลมๆ วัสดุเป็นอลูมิเนียมสีเงิน (เช็คความถูกต้อง) และยังมีประติมากรรมอื่นๆ วางประดับไว้อีก เราซื้อตั๋วเข้าไปชมด้านในกัน ชั้นแรกจะเป็นภาพจิตรกรรม ที่แสดงถึงความเป็นมาของโคโลราโด โดยรวมภาพจะแสดงถึงธรรมชาติกลางแดดจ้าๆ และวิถีชีวิตของคนอินเดียแดงในยุคนั้น เห็นภาพแล้วเราเข้าใจเลยอ่ะ
เราใช้เวลาเดินชมงานอยู่ 2 ชั่วโมงก็รู้สึกพอละ เลยชวนแอมออกไปเดินเล่นข้างนอกดีกว่า ไม่ไกลกันเท่าไหร่หรอก ส่วนพี่เก่งเค้าอยากละเมียดละไมงานศิลป์ต่อ ก็ให้เวลาเค้าไป บอกว่าเดี๋ยวอีกชั่วโมงจะกลับมา เราเดินไปด้านนอก จนถึง Colorado state capital ช่วงที่ขับรถเข้ามาในเมืองก็เห็นอาคารแห่งนี้แว๊บๆ เลยหาข้อมูลดูซักหน่อย มันคือหน่วยงานที่ปกครองเมืองแห่งนี้ หน้าตาเป็นทรงโดม ที่เดินแวะมาเพราะมันสวยสะดุดตาน่ะแหละ
จาก Colorado state capital เราตั้งใจว่าจะไปยังถนน 16th street mall คำนวณเส้นทางกูเกิลใช้เวลา 10 นาทีในการเดิน แต่เราขี้เกียจเดินกัน เลยลองเรียก Uber ปรากฎว่ากว่ารถจะมา จะใช้เวลาอีก 7 นาที เลยตัดสินใจกับแอมว่า เดินก็ได้วะ
 ถนนสายนี้เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีร้านค้ากว่า 200 ร้านตั้งอยู่ มีทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร บาร์ ร้านขายของที่ระลึก และสิ่งที่ทำให้ถนนเส้นนี้ร่าสนุกขึ้นไปอีกก็คือ เค้ามีบริการ Shuttle Bus ฟรี สามารถขึ้นและลงที่ป้ายไหนก็ได้ ถ้าเกิดอาการขี้เกียจเดิน ตอนที่เรามาถึงถนนเส้นนี้ ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนๆ เมื่อเราเดินผ่านช่วงหนึ่งของถนนที่มีทางแยก เรามองไปทางซ้าย ก็ยังเจอภูเขาเป็นแนวสวยๆอีก เท่สุดๆเลยอ่ะ เมืองนี้
เราเดินกันไปเรื่อยจนเจอร้านขายของที่ระลึก อ่ะ ขอแวะหน่อย ได้บราวนี่ติดมือมาถุงนึง อยู่ในห่อสีน้ำตาล เค้าเขียนว่า Brownie from Colorado นี่ก็แอบคิดในใจว่า เอ่อมันจะมีกัญชาผสมป่าววะ ที่เราซื้อถุงนี้ ตั้งใจว่าจะเอาไปแบ่งน้องๆที่ร้านกินกัน แล้วก็ได้สโนว์บอลมาอีกอันนึง พอออกมาจากร้านกำลังจะกลับ ก็คิดกะแอมว่า เราลองขึ้นรถฟรีหน่อยมะ ไม่ต้องเดิน ระหว่างยืนรอรถ กลิ่นอะไรเขียวๆอีกแล้ว หันไปก็ไม่รู้หรอกว่ามากลิ่นมาจากไหน ได้แต่คิดว่า เอ๊ะ ไอ้พวกนี้นี่ เค้าบอกไม่ให้ปุ๊นในที่สาธารณะ ทำไมไม่ฟัง!!!!
เราขึ้นชัทเทิลบัส ไปลงตรงจุดสิ้นสุดของการเดินรถสายนี้ นั่นคือจุดตัดระหว่างถนน 16 และถนน Broadway แล้วเดินกลับไปหาพี่เก่ง จากนั้นก็ขับรถเดินทางไปสนามบินเตรียมตัวกลับบ้าน ตอนนั้นก็จะ 6 โมงแล้ว ต้องเอารถไปคืนที่ศูนย์เช่า เค้าจะเช็คสภาพรถว่ามีรอยอะไรมั้ย ทุกอย่างโอเครึเปล่า แล้วเราก็ขึ้น Shuttle bus ไปสนามบินกัน
พอใกล้จะถึงสนามบิน เราก็เห็นว่าสนามบินนี้มันสวยว่ะ เค้ามีคอนเซ็ปท์นะ ตัวหลังคาสร้างเป็นเหมือนเทือกเขาร็อคกี้ที่มีภูเขาสลับซับซ้อนกันไปมา ทำให้ดูโมเดิร์นด้วยการใช้วัสดุที่เหมือนผ้าเต๊นท์สีขาวทำเป็นยอดเขา ดีค่ะ
เราไปถึงสนามบินเกือบทุ่มนึง แต่เครื่องจะออกตอน สามทุ่มครึ่ง เลยไม่คิดมาก พอมีเวลา เราต่อคิวโหลดกระเป๋าสัมภาระกันเรียบร้อย แต่พอเข้าไปที่ด่านตรวจคน ปรากฎว่าคนเยอะมากกกก นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ ทำไมต้องมากลับเวลาเดียวกะเรากันคะ ปัดโท่!!  แถวยาวคดไปคดมา ซ้อนกันประมาณ 5 แถว เริ่มใจไม่ดีละ จะทั้นมั้ยเนี่ย นี่ก็จะ 2 ทุ่มแล้ว มีเวลาอีกไม่มาก เจ้าหน้าที่เห็นว่าทราฟฟิกเริ่มหนาแน่น เลยเปิดช่องตรวจเพิ่ม โอเคเลย ทุกอย่างเริ่มโฟลว์ พอถึงตาเราเข้าช่องตรวจ เค้าสะกิดเรียกเลย Mam this way please ตัวเราอ่ะไม่มีปัญหา แต่ไอ้สัมภาระที่จะเอาขึ้นเครื่องเนี่ยดิ เค้าบอกว่าเจอวัตถุต้องสงสัย นี่คิดในใจ บราวนี่มีกัญชาป่าววะ เค้าบอกขอค้นได้มั้ย แสกนแช้วพบว่ามันเป็นของเหลว อยากรู้ว่ามันคืออะไร เราตอบไปว่า go ahead ปรากฎว่า มันคือ สโนว์บอลลูกนั้นที่เราเพิ่งซื้อมา โห เอาซะตื่นเต้นเลย
และแล้วเราก็ได้ขึ้นเครื่องตามเวลา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งควรจะถึงเวลาตีหนึ่ง แต่ชิคาโก้เวลาเร็วกว่าโคโลราโด เลยกลายเป็นเวลาตี 2 รอรับกระเป๋า นั่งรถจากสนามบินไปที่บ้านอีกกว่าจะถึง ตีสามมมมม ประเด็นคือ พรุ่งนี้ทำงานนน ละเป็นศุกร์ด้วย สนุกแน่ๆ